ข่าวบช.น.จับมือมูลนิธิเมาไม่ขับ นำร่องเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย

25 มิถุนายน 58 / อ่าน : 3,044

บช.น.จับมือมูลนิธิเมาไม่ขับ 

นำร่องเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย

แจงข่าว เมาขับติดคุก 1 เดือน เป็นความจริง

 

วันนี้ 26 มิถุนายน 2558 ณ ห้องประกายเพชร โรงแรมเอเชีย เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

            กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน แถลงข่าวเปิดตัวโครงการเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย โดยมีพล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ นายสาวิน นิลเหม เจ้าของร้านสวนสระหนุก ตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง และผู้แทนภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน  ร่วมเป็นเกียรติในงานจำนวนมาก

พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า

            ปัญหาเมาแล้วขับเป็นภัยอันตรายกับประชาชนที่สัญจรบนท้องถนน แนวทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ขณะเดียวกันก็รณรงค์ให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วอย่าออกไปขับรถซึ่งการรณรงค์เมาไม่ขับเป็นการตัดวงจรปัญหาที่ต้นเหตุ

            อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงและร้านอาหาร นับเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเล็งเห็น จึงเชิญชวนเข้าร่วมโครงการเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย โดยจะเป็นการนำร่องให้สถานบันเทิงที่สนใจเข้าร่วมโครงการ

            ทั้งนี้จะมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ลูกค้าก่อนจะออกไปขับรถ เพื่อเป็นการเตือนสติและเพื่อให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนน

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า

            โครงการเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย เกิดจากความร่วมมือของมูลนิธิเมาไม่ขับ กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง  จึงถือเป็นโครงการนำร่อง ที่ทั้งตำรวจ ผู้ประกอบการสถานบันเทิง และมูลนิธิเมาไม่ขับ มาร่วมมือกัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ

พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าว

                ต่อข้อถามที่ว่าปัจจุบัน มีการแชร์ข้อมูลในสังคมออนไลน์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกกฎหมายใหม่ ถ้าใครเมาแล้วขับมีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท พล.ต.ต.อดุลย์ ชี้แจงว่า ในกรณีเมาแล้วขับมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอยู่แล้ว การตัดสินว่าจะจำคุกหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้มีการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ส่วนที่มีผู้เมาแล้วขับถูกศาลสั่งจำคุกยอมรับว่ามีจริง ทั้งนี้เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งจำเลยก็สามาถยื่นอุทธรณ์ฎีกาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลสูงต่อไปได้

ทางด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า

            ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการเมาแล้วขับ กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงจะตกเป็นจำเลยสังคมเสมอ มูลนิธิเมาไม่ขับมีความเชื่อว่า ไม่มีผู้ประกอบการสถานบันเทิงคนใดอยากเห็นลูกค้าของตนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

            โครงการเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยเหตุผลที่ต้องการแสวงหาความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหานี้ การดูแลรับผิดชอบลูกค้าให้เกิดความปลอดภัยเป็นอีกแนวความคิดหนึ่งที่กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงส่วนใหญ่เห็นด้วย

            ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับคาดหวังว่า โครงการเป่าก่อนขับ กลับบ้านปลอดภัย จะเป็นโครงการนำร่อง เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงทั้งหลายเห็นความสำคัญและหันมาใส่ใจดูแลลูกค้าของตน ทั้งนี้ในอนาคตอาจผลักดันให้ออกเป็นกฎหมายกำหนดให้สถานบันเทิงต้องจัดหาเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ไว้ประจำร้าน เพื่อบริการลูกค้า

                อย่างไรก็ตามมูลนิธิเมาไม่ขับอยากฝากเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติกรรมเมาแล้วขับ ขอให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะขณะนี้ศาลหลายแห่งเริ่มใช้บทลงโทษขั้นสูงสุดกลับผู้ที่เมาแล้วขับด้วยการจำคุกหรือกักขังโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งจากรายงานข่าวทราบว่าขณะนี้คดีเมาแล้วขับมีการยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์จำนวนมาก เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าว

 


ความคืบหน้าคดีดัง



QR Code DDD Line
ddd025750101