ร้านเหล้าระวัง-ปล่อยคนเมาแล้วขับไปก่อเหตุ
กฎหมายใหม่กำหนดร้านอาจต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
วันนี้ (19 ธันวาคม 2568) มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดเวทีเสวนาร้านเหล้าระวัง-ปล่อยคนเมาขับไปก่อเหตุ ร้านอาจต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
ณ ห้องแพลตตินั่ม ชั้น 3 โรงแรมอวานี สี่แยกรัชดา กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมเวทีเสวนา ประกอบด้วยคุณเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อดีตสมาชิกผู้แทนราษฎร คุณชัชฎา จันทรางศุ ประธานมูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ คุณสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร คุณธนากร คุปตจิตต์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ผู้แทนบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ) คุณฌานนท์ เกิดเจริญ นายกสมาคมร้านอาหาร คุณเรวัตร คงชาติ กรรมการสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน ผู้แทนภาคีรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
ปัจจุบันพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นมา โดยสื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารประเด็นเชิงบวกเกี่ยวกับพ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลา 14.00-17.00 น. ซึ่งคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ออกประกาศให้ขายได้เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตามมูลนิธิเมาไม่ขับขอสื่อสารไปยังร้านค้า สถานประกอบการทั้งหลายถึงพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ที่ปรับแก้ไข มาตรา 29 วรรคท้าย ที่บัญญัติว่า “ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุเกี่ยวเนื่องโดยตรงที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพอนามัย ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ผู้นั้นกระทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าสินใหม่ทดแทนเพื่อการนั้น” ซึ่งตีความได้ว่า กรณีคนเมาแล้วขับไปก่อเหตุชนคนตาย บาดเจ็บหรือก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ สถานประกอบการนั้น ๆ อาจต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยต่อไปว่า
การเสนอให้ผู้ประกอบการต้องร่วมรับผิดชอบมีมานานกว่าสิบปีแล้วเพิ่งมาสัมฤทธิ์ผลในพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับล่าสุดนี้ ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ที่ถูกคนเมาขับรถชน สามารถฟ้องร้องไปถึงสถานประกอบการที่ปล่อยให้คนเมาออกมาก่อเหตุ ผู้เสียหายสามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดได้เพิ่มเติมที่มูลนิธิเมาไม่ขับ โทร.081-4439953 นายแพทย์แท้จริง กล่าว
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2568
มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลดังต่อไปนี้
(1) บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(2) บุคคลที่มีอาการมึนเมา
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุของผู้ซื้อหรือผู้รับการให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แจ้งให้บุคคลดังกล่าวแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการออกให้ซึ่งแสดงอายุของบุคคลนั้นก่อน แล้วแต่กรณี
(2) ให้ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พิจารณาตรวจสอบอาการมึนเมาของบุคคลเท่าที่จำเป็นและสมควรตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด
ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำโดยฝ่าฝืนห้อมห้ามตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุเกี่ยวเนื่องโดยตรงที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพอนามัย ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ผู้นั้นกระทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 40 ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยฝ่าฝืนมาตรา 29 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่ผู้นั้นได้ดำเนินการตามมาตรา 29 วรรค 2
ข่าวประชาสัมพันธ์ www.ddd.or.th